3106 จำนวนผู้เข้าชม |
สุขภาพช่องปากของเด็กมีความสำคัญอย่างมากต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโตที่สมวัย และการแปรงฟันด้วยยาสีฟันก็เป็นส่วนสำคัญของกิจวัตรการดูแลช่องปาก หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยจากคุณพ่อคุณแม่ คือเรื่องความปลอดภัยสำหรับเด็กหากกลืนยาสีฟันเข้าไป Dr.Wise จะมาอธิบายผลกระทบกรณีลูกเผลอกลืนยาสีฟัน วิธีการใช้ยาสีฟันอย่างปลอดภัย เคล็ดลับในการเลือกยาสีฟันที่เหมาะสมสำหรับเด็ก และความสำคัญของการสอนดูแลสุขภาพช่องปากที่เหมาะสม
เพื่อให้เข้าใจผลของการกลืนยาสีฟัน สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจองค์ประกอบของยาสีฟัน ยาสีฟันโดยทั่วไปประกอบด้วยส่วนผสมหลักๆ ได้แก่ สารกัดกร่อนอย่างอ่อน สารให้ความชุ่มชื้น สารยึดเกาะ สารก่อฟอง สารกันบูด สารแต่งกลิ่นและรส และสารออกฤทธิ์ เช่น ฟลูออไรด์ แต่ละส่วนประกอบมีจุดประสงค์เพื่อการดูแลสุขภาพช่องปาก
แม้ว่ายาสีฟันจะถูกคิดค้นขึ้นเพื่อให้ปลอดภัยสำหรับการใช้ในปาก แต่การกลืนกินในปริมาณมากๆ อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงได้ โดยเฉพาะกับเด็ก
ฟลูออไรด์เป็นส่วนประกอบที่จำเป็นในยาสีฟันที่ในการช่วยป้องกันฟันผุ อย่างไรก็ตาม การรับประทานฟลูออไรด์มากเกินไปอาจนำไปสู่โรคฟลูออโรซิส (Fluorosis) หรือฟันตกกระ ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้เกิดจุดสีขาวหรือรอยริ้วบนฟัน เด็กที่กลืนยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ในปริมาณที่สูงเป็นประจำอาจมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคฟันตกกระได้
การกลืนยาสีฟันอาจส่งผลให้เกิดการรบกวนการย่อยอาหาร ส่วนผสมของยาสีฟันบางชนิด เช่น สารก่อฟองและสารกันบูด อาจทำให้ไม่สบายท้อง คลื่นไส้ หรือท้องเสียเมื่อรับประทานในปริมาณที่มาก
เด็กบางคนอาจมีอาการแพ้หรือไวต่อส่วนผสมของยาสีฟันบางชนิด การกลืนยาสีฟันที่มีสารก่อภูมิแพ้สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ได้ ซึ่งรวมถึงผื่นที่ผิวหนัง อาการคัน หรือบวมได้
การกลืนยาสีฟันเพียงเล็กน้อยไม่ได้เป็นอันตรายสำหรับเด็ก กุญแจสำคัญคือการใช้ในปริมาณที่เหมาะสมตามที่ทันตแพทย์กำหนดและสอนให้เด็กๆว่ายาสีฟันไม่ใช่ขนม ไม่ควรบีบและรับประทานเล่น และในเด็กเล็กผู้ปกครองควรบีบยาสีฟันให้เด็ก เพราเด็กๆอาจจะเผลอบีบในปริมาณที่เยอะเกินความจำเป็น โดยให้บีบยาสีฟันตามปริมาณต่อไปนี้ เพียงเท่านี้ก็ปลอดภัยหายห่วงเรื่องลูกกลืนยาสีฟันแล้วค่ะ
อายุ 0-3 ปี บีบยาสีฟันเท่าเมล็ดข้าวสาร
อายุ 3-6 ปี บีบยาสีฟันเท่าเมล็ดข้าวโพด
อายุ 6 ปี ขึ้นไป บีบยาสีฟันเท่าความยาวของขนแปรง
Made with Love
Dr.Wise